นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ จีไอที เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้นำระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอมาใช้ตรวจสอบอัญมณี และเครื่องประดับ เพื่อตัดสินว่าอัญมณีที่ทำการตรวจสอบนั้นมาจากประเทศใด แหล่งใด เพื่อเสริมความมั่นใจให้กับผู้ครอบครองอัญมณี และเพิ่มมูลค่าให้กับวงการอัญมณีและเครื่องประดับ ที่มีความนิยมการเลือกซื้อ เลือกใช้อัญมณีเฉพาะแหล่งคำพูดจาก เว็บตรง
“การตรวจสอบอัญมณีจากนี้ไป จะเป็นการรวบรวมข้อมูลอัญมณีจากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ ซึ่งจะต้องทำการรวบรวมข้อมูลจากตัวอย่างจำนวนมาก ทำให้ยิ่งเกิดความแม่นยำในการวิเคราะห์แหล่งกำเนิดของอัญมณีนั้น ๆ และเทียบได้กับการใช้ประสบการณ์และความสามารถของอัญมณีศาสตร์ที่ต้องสั่งสมมาเป็นระยะเวลานานหลาย ๆ ปี ซึ่งมีความแม่นยำ ทำให้เกิดการซื้อขายอย่างมั่นใจ และได้อัญมณีจากแหล่งกำเนิดที่ต้องการ โดยคาดว่าในอนาคตการใช้ระบบไอเอ จะเป็นระบบหลักที่เทียบเคียงกับการใช้นักอัญมณีศาสตร์ที่มีประสบการณ์หลายปี ช่วยทดแทนการขาดแคลนนักอัญมณีศาสตร์และลดระยะเวลาในการตรวจวิเคราะห์อัญมณีแต่ละเม็ดได้อย่างมาก”
นายสุเมธ กล่าวว่า การซื้อขายอัญมณีในปัจจุบัน หากมีการระบุแหล่งกำเนิดของอัญมณีในใบรับรองอัญมณี จะได้รับความนิยม เนื่องจากส่งผลต่อมูลค่าของอัญมณี แต่ที่ผ่านมาการระบุแหล่งกำเนิด ต้องใช้ข้อมูลทั้งองค์ประกอบทางเคมีและลักษณะทางสเปกโทรสโกปีที่ได้จากการวิเคราะห์ของเครื่องมือขั้นสูงมาประกอบการพิจารณา ซึ่งมีข้อมูลจำนวนมากและมีความซับซ้อนในการวิเคราะห์เพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพ แต่การนำเอไอ มาช่วยในการจัดกลุ่มของข้อมูลแหล่งกำเนิดอัญมณีต่าง ๆ จะทำให้สามารถระบุแหล่งกำเนิดที่รวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการออกใบรับรองอัญมณี
“ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 63 จีไอทีได้เริ่มจัดทำระบบฐานข้อมูลแหล่งกำเนิดพลอยทับทิม ต่อมาปี 64 ได้จัดเก็บข้อมูลและวิเคราะห์พลอยไพลิน และปี 65 ได้จัดเก็บข้อมูลและวิเคราะห์พลอยมรกต และปีต่อ ๆ ไป ตั้งเป้าขยายขอบเขตไปยังพลอยชนิดอื่น ๆ ซึ่งหากมีข้อมูลพลอยและอัญมณีครบทั้งหมด จะช่วยทำให้สามารถวิเคราะห์แหล่งกำเนิดอัญมณีได้แม่นยำมากขึ้น”คำพูดจาก เกมสล็อตทดลองเล่น